ช่วงประมาณ 3 ปีหลังสุดประเทศจีนได้มีการพัฒนาตัวเองเรื่องการท่องเที่ยวภายในประเทศน่าดูชมทีเดียว ภาครัฐมีการเปิดอุทยานแห่งชาติทางธรรมชาติในหลายๆ มณฑลบางแห่งมีความสวยงามอย่างมาก เนื่องจากเพิ่งถูกค้นพบแล้วภาครัฐมีการวางระบบให้การท่องเที่ยวมีระเบียบไม่ทำลายธรรมชาติด้วย อย่างเช่น อุทยานจิ่วจ้ายโกว ความสวยงามของที่นี่นักท่องเที่ยวให้นิยามไว้ว่า สรวงสวรรค์ 3 ฤดูเลยทีเดียว
อุทยานจิ่วจ้ายโกว คืออะไร
อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ อำเภอจิ่วจ้ายโกว จังหวัดอาป้า อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเสฉวน เดิมทีที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีคนเข้าไปสำรวจมากนักเนื่องจากมันไกลมาก เกือบถึงทางทิเบตโน่นเลย สำหรับชื่อ จิ่วจ้ายโกว เป็นภาษาจีนหมายถึง ธารน้ำทั้งเก้าของหมู่บ้าน อีกนัยหนึ่งบริเวณนี้จะมีหมู่บ้านของชาวทิเบตถึง 9 หมู่บ้านด้วยกัน หลังจากหลบซ่อนอยู่ทางภาครัฐของจีนได้ค้นพบสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้แล้วเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 2527 แล้วประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติในที่สุด ภาครัฐต้องทำอย่างนี้เพื่อป้องกันการบุกรุกทำลายป่าอย่างหนักในตอนนั้นด้วย
ประวัติด้านความเชื่อของจิ่วจ้ายโกว
อีกมุมหนึ่งอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ก็มีประวัติด้านความเชื่ออันน่าสนใจด้วย ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า ชาวทิเบตที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นต่างเชื่อว่านี่คือลำธารศักดิ์สิทธิ์จึงเคารพนับถืออย่างมาก ส่วนตำนานอีกเรื่องเล่าว่าในอดีตมีนักรบหนุ่มนามว่า ต้าเกอ เค้าเป็นนักรบผู้มีความเป็นอมตะ เค้ากลับไปรักเจ้าหญิงองค์หนึ่งชื่อว่า อู่นัวเซอโหม่ ด้วยความรักนักรบหนุ่มของเราเลยต้องการหาของกำนัลมาให้ เค้าจึงทำกระจกวิเศษขึ้นมา กระจกบานนี้ทำมาจากวัตถุดิบระดับเทพนั่นทำให้เหล่าเทพเทวดาอิจฉาจึงเข้ามาขัดขวางและทำให้กระจกนั้นแตกไป กระจกบานนั้นเมื่อแตกเศษกระจกได้ล่วงหล่นลงจากสรวงสวรรค์กลายเป็นอุทยานแห่งนี้
อุทยานแห่งนี้มีอะไรบ้าง
ภายในอุทยานแห่งนี้ เมื่อเราเข้าไปจะได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติที่มีมาตั้งแต่โบราณ ป่าไม้เหล่านี้ถูกอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ครั้งอดีต มองไปทางไหนจะเห็นพืชพรรณไม้หลากหลายและไม่เคยเห็นมาก่อน ด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติเลยทำให้ระบบนิเวศนี้ดีมากมีทั้งนกและสัตว์หายากมากมาย
สรวงสวรรค์ 3 ฤดู
อุทยานแห่งชาตินี้ ได้รับสมญานามว่า สรวงสวรรค์ 3 ฤดู นั่นเป็นเพราะว่าที่แห่งนี้มีความสวยงามแตกต่างกันไปถึง 3 ฤดู ไม่ว่าจะเป็น ฤดูร้อนเราจะเห็นใบไม้กำลังเปลี่ยนสีเป็นสีส้ม ตัดกับทะเลสาบสีฟ้ากระจ่างใสดุจดังกระจก หรือจะเป็นหน้าหนาวเราจะได้เห็นธารน้ำตกที่แข็งเป็นน้ำแข็งขนาดใหญ่ เรียงหน้ากระดานเป็นภาพอันน่ายิ่งใหญ่มาก หรือ ฤดูร้อนเราจะได้เห็นความเขียวชอุ่มตัดกับท้องฟ้า ทะเลสาบสุดลูกหูลูกตา หากมีโอกาสควรได้ไปดูทั้ง 3 แบบ แต่หากเลือกได้แบบเดียวควรไปฤดูใบไม้ผลิจะดีสุด(แต่ก็แพงสุดด้วย)